head-bankroksingkhon
โรงเรียนบ้านโกรกสิงขร
head-bankroksingkhon
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนบ้านโกรกสิงขร
หน้าหลัก » นานาสาระ » พยาธิหนอนหัวใจ อธิบายเกี่ยวกับโรคทั่วไปที่พบได้ส่วนใหญ่ในสุนัขวัยที่โต

พยาธิหนอนหัวใจ อธิบายเกี่ยวกับโรคทั่วไปที่พบได้ส่วนใหญ่ในสุนัขวัยที่โต

อัพเดทวันที่ 2 มิถุนายน 2023

พยาธิหนอนหัวใจ พยาธิหนอนหัวใจคือการติดเชื้อปรสิตที่สุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ ติดต่อได้ โรคนี้เกิดจากหนอนที่อาศัยอยู่ในหัวใจ ปอด และหลอดเลือดของสัตว์ที่ติดเชื้อ หนอนถูกส่งผ่านการกัดของยุงที่ติดเชื้อ อาการของโรคพยาธิหนอนหัวใจอาจรวมถึงการไอ อ่อนเพลีย และน้ำหนักลด การรักษาโรคอาจมีค่าใช้จ่ายสูงและอาจรวมถึงการใช้ยา การผ่าตัด หรือทั้งสองอย่างรวมกัน

การป้องกันเป็นกุญแจสำคัญ และสามารถทำได้โดยการทดสอบอย่างสม่ำเสมอ และการใช้ยาป้องกัน Dirofilaria immitis หรือพยาธิหนอนหัวใจเป็นปรสิตที่แพร่กระจายโดยยุง และสามารถติดเชื้อในสุนัขได้ ตัวอ่อนของปรสิตชนิดนี้อาศัยอยู่ภายในยุง และเมื่อสุนัขกัด ก็จะเข้าสู่และพัฒนาเป็นหนอนตัวเต็มวัยภายในร่างกายของสุนัข พยาธิหนอนหัวใจสามารถพบได้ในช่องด้านขวาของหัวใจ และหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงปอด

ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหายหรืออุดตันได้ อาการบ่งชี้ของโรค พยาธิหนอนหัวใจ ในสุนัข ได้แก่ อาการไอต่อเนื่อง อ่อนเพลีย หมดสติ และบวมน้ำ ในกรณีที่รุนแรง อาการเหล่านี้อาจทำให้เสียชีวิตได้ โรคพยาธิหนอนหัวใจสามารถรักษาได้โดยใช้การใช้ยา และการผ่าตัดร่วมกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการฉีดยา เพื่อกำจัดพยาธิตัวเต็มวัยที่อาศัยอยู่ในหัวใจและหลอดเลือด

พยาธิหนอนหัวใจ

ในกรณีที่มีพยาธิหนอนหัวใจจำนวนมากเกินไป อาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดเพื่อนำพยาธิเหล่านี้ออกจากหลอดเลือด อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นตัวเลือกยอดนิยมเนื่องจากความซับซ้อน และความต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนั้นเพื่อเป็นมาตรการป้องกัน ขอแนะนำให้จ่ายยาป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ การฉีดยา และการรักษาหลังการรักษาเป็นประจำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ เพื่อป้องกันสุนัขของคุณจากโรคพยาธิหนอนหัวใจ

โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคไวรัสที่ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมรวมถึงมนุษย์ โดยปกติแล้วจะติดต่อผ่านการกัดของสัตว์ที่ติดเชื้อ และไวรัสจะแพร่กระจายจากบริเวณที่ถูกกัดไปยังสมอง อาการเริ่มต้นของโรคพิษสุนัขบ้า ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ และอ่อนแรง ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่ความวิตกกังวล สับสน และกระสับกระส่ายได้ เมื่อโรคลุกลามมากขึ้น อาจทำให้เกิดภาพหลอน เป็นอัมพาต และเสียชีวิตในที่สุด

โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่ป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปพบแพทย์หากคุณถูกสัตว์กัด เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม โรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเป็นโรคไวรัสที่เกิดจากไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดต่อได้สูงในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด แม้จะมีความก้าวหน้าทางการแพทย์ โรคพิษสุนัขบ้ายังคงเป็นโรคที่แพร่หลายในประเทศไทย

โรคติดต่อได้ผ่านการกัด ข่วน หรือแม้แต่เลียของสัตว์ที่ติดเชื้อ เช่น สุนัข แมว หนู อาการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นระยะๆ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของสัตว์ที่เห็นได้ชัดเจน เช่น ความหงุดหงิดที่เพิ่มขึ้น ตามมาด้วยอาการกระวนกระวายและก้าวร้าว ลักษณะเด่นคือกัดหรือโจมตีอะไรก็ตามที่ขวางหน้า และลิ้นห้อยน้ำลายไหลมากเกินไป ในที่สุดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ติดเชื้อจะมีอาการชัก อัมพาต และตายในที่สุด

แนวทางการป้องกันและรักษาโรคพิษสุนัขบ้ามีมาระยะหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด มาตรการป้องกันที่ได้ผลดีที่สุดคือการฉีดวัคซีน สัตวแพทย์แนะนำว่าสุนัขทุกตัวควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าตั้งแต่อายุ 3 เดือนขึ้นไป เพื่อจัดการกับปรสิตในเลือด สามารถให้ยาเพื่อกำจัดปรสิตและจัดการกับอาการที่เกี่ยวข้องได้

อย่างไรก็ตาม วิธีการป้องกันที่ดีที่สุดคือการป้องกัน ด้วยการใช้มาตรการเพื่อหลีกเลี่ยงเห็บและปรสิตภายนอกอื่นๆ ในสุนัขของเรา เช่น โดยการฉีดยา ยาหยอดหลัง หรือยารับประทานที่สัตวแพทย์สั่ง เราสามารถช่วยป้องกันการโจมตีของโรคนี้ได้ นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้สะอาด เพื่อป้องกันการแพร่พันธุ์ของเห็บ

โรคเลปโตสไปโรซิส เป็นโรคที่เกิดจากแบคทีเรียที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสัตว์ แหล่งที่มาของโรคฉี่หนูคือการติดเชื้อแบคทีเรีย คือโรคเลปโตสไปโรซิส ซึ่งติดต่อโดยหนู สุนัขสามารถติดโรคนี้ได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับหนู หรือสัมผัสกับปัสสาวะของหนูหรือน้ำที่ปนเปื้อน โรคเลปโตสไปโรซิสจะพบมากในช่วงฤดูฝนเนื่องจากแหล่งน้ำมีมากขึ้น อาการในสุนัข ได้แก่ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และปวดกล้ามเนื้อ

ในขณะที่อาการรุนแรงอาจส่งผลให้ไตวาย ดีซ่าน และเลือดแข็งตัวลำบาก เป็นเรื่องน่าตกใจอย่างยิ่งที่โรคเลปโตสไปโรซิส สามารถแพร่เชื้อได้ไม่เฉพาะในสุนัขเท่านั้น แต่ยังแพร่เชื้อไปยังมนุษย์ด้วย แนวทางการป้องกันและรักษาโรคเลปโตสไปโรซิส สามารถรักษาได้ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อควบคุมและยับยั้งการติดเชื้อ เช่นเดียวกับการรักษาภาวะไตวายตามอาการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสุนัขในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม และกำจัดหนูทั้งในบ้านส่วนตัวและพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค หากพบว่าสุนัขเป็นโรคเลปโตสไปโรซีส ควรแยกมันออกจากสุนัขตัวอื่น และไม่ควรจัดการสิ่งขับถ่ายของมันโดยตรง เพื่อป้องกันการสัมผัส บุคคลควรสวมถุงมือยางและรองเท้านิรภัย เมื่อสัมผัสกับสัตว์ป่วย

โปรโตซัวมีสองประเภทคือ Coccidia ที่สามารถนำไปสู่โรคบิดในสุนัขได้ ซึ่งรวมถึงอาการต่างๆ เช่น ถ่ายเหลวเป็นน้ำ อาเจียน อุจจาระเป็นเลือด และภาวะขาดน้ำมาก เป็นผลที่ตามมาของภาวะนี้ ในกรณีที่รุนแรง โรคบิดอาจถึงแก่ชีวิตได้สำหรับสุนัขอายุน้อย โรคบิดติดต่อไปยังสุนัขได้เมื่อพวกมันกินตัวอ่อนของโปรโตซัวจากสิ่งรอบตัว และความเครียดหรือความหดหู่ที่เพิ่มขึ้นในสัตว์ ยังเพิ่มโอกาสของการเป็นโรคบิด

โรคบิดในสุนัขเป็นภาวะที่รักษาได้ เพื่อกำจัดโปรโตซัวที่ก่อให้เกิดโรค สัตวแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะ เมื่อได้รับการรักษาทันที สุนัขสามารถกลับสู่สภาวะปกติได้ เพื่อป้องกันโรคบิด สิ่งสำคัญคือต้องรักษาสภาพแวดล้อมในบ้านให้สะอาด นอกจากนี้ ไม่ควรให้สุนัขดื่มน้ำจากแหล่งน้ำที่ปนเปื้อนหรือน้ำนิ่ง

การแพ้ผิวหนังเป็นปัญหาที่พบบ่อยในสุนัข โรคภูมิแพ้ผิวหนังสุนัข หรือ Skin Allergy ตามที่เรียกกันโดยทั่วไป แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ โรคภูมิแพ้จากหมัด โรคภูมิแพ้อาหาร และโรคภูมิแพ้ผิวหนังจากสิ่งแวดล้อม โรคผิวหนังนี้พบได้บ่อยในสุนัขและถือเป็นโรคผิวหนังทั่วไป ผิวหนังของสุนัขจะแดง บวม และคัน ซึ่งอาจนำไปสู่การเกาหรือเลียตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

โดยเฉพาะอุ้งเท้าไม่หยุดหย่อน หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนหรือโรคผิวหนังที่อาจแพร่ไปสู่สุนัขตัวอื่นๆ ได้ เมื่อพูดถึงการรักษาอาการแพ้ผิวหนังในสุนัข สิ่งสำคัญคือต้องระบุสาเหตุของการแพ้ สิ่งนี้สามารถวินิจฉัยและทดสอบได้โดยสัตวแพทย์เท่านั้น ซึ่งจะค่อยๆ ประเมินศักยภาพของการแพ้ยาแต่ละตัว

จำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าของจะต้องงดเว้นจากการสรุปผลใดๆ ด้วยตนเอง และพึ่งพาการวินิจฉัยโดยมืออาชีพของสัตวแพทย์ การปฏิบัติตามแนวทางป้องกัน และการรักษาที่เหมาะสมจะทำให้มั่นใจได้ว่า การแพ้ผิวหนังของสุนัขจะได้รับการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ การป้องกันอาการภูมิแพ้ผิวหนังจากหมัด สามารถทำได้โดยใช้มาตรการป้องกันหมัด เช่น การฉีดยาหมัด ยาหยด หรือยารับประทาน ซึ่งควรได้รับการแนะนำจากสัตวแพทย์

บทความที่น่าสนใจ : ความชรา อธิบายเกี่ยวกับโภชนาการที่เหมาะสมและทำให้ร่างกายชราช้าลง

นานาสาระ ล่าสุด
โรงเรียนบ้านโกรกสิงขร
โรงเรียนบ้านโกรกสิงขร
โรงเรียนบ้านโกรกสิงขร
โรงเรียนบ้านโกรกสิงขร